รีวิว Peugeot Django 150
หลังจากที่ได้มีการเปิดให้จับจอง Peugeot Django 150 กันไปในงาน Motor Show 2019 เมื่อต้นปี ครั้งแรกที่ได้เจอต้องบอกว่ามีความสวยงามอย่างมากด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ที่มีมาอย่างยาวนาน หลายๆ คนน่าจะเห็นอยู่แล้วโลโก้เป็นรูปสิงโตยืนอยู่ วันนี้เราจะมา รีวิว Peugeot Django 150 ในแบบที่ใช้งานกันจริงๆ ครับ แต่ๆ… รุ่น Django อ่านว่า จังโก้ นะครับไม่ใช่ ดีจังโก้
สเปคเปอโยต์ จังโก้ 150
ก่อนอื่นเรามาพูดถึงเรื่องสเปคของเครื่องยนต์กันก่อนดีกว่าครับ หลายๆ ท่านน่าจะทราบบ้างแล้วสำหรับสเปคของเปอโยต์ จังโก้ 150 คันนี้ แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้เรามีคำตอบให้ครับ เครื่องยนต์ขนาด 150.6cc 4 จังหวะ 2 วาล์ว 1 สูบ ระบบเกียร์แบบออโต้ ช่วยให้การขับขี่สนุกมากยิ่งขึ้นหมดห่วงเรื่องการเข้าเกียร์ไปได้เลย นอกจากนั้นแล้วเครื่องยนต์มีความนิ่มนวล ออกแบบมาให้เหมาะกับการขับขี่ที่ไม่เน้นความเร็วมากนัก ระบายความร้อนด้วยอากาศ
สิ่งหนึ่งที่คิดว่าหลายๆ คนน่าจะชอบคือคันเร่งที่มีความเบามือ ซึ่งใช้แรงบิดที่น้อยมากๆ โดยเฉพาะสาวๆ น่าจะชอบแน่ๆ ครับ ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด แต่แนะนำควรเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเป็น เบนซิน และ แก๊สโซฮอล์ 95 ครับ ความจุถังน้ำมันอยู่ที่ 8.5 ลิตร ระบบเบรกหน้าและหลังเป็นแบบดิสก์เบรกครับ โดยที่เบรกหน้าเป็น ABS ส่วนเบรกหลังเป็นแบบดิสก์เบรกธรรมดา การเบรกถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี เบรกหน้าและหลังสามารถตอบสนองได้ไว
ดีไซน์ของเปอโยต์ จังโก้ 150
บางคนอาจจะเคยเห็นตัวจริงในงาน Motor Show 2019 กันบ้างแล้วนะครับ ดีไซน์ของเปอโยต์ จะมีความโมเดิร์นร่วมสมัยอยู่ภายในตัวของดีไซน์ นอกจากนั้นยังแฝงความ luxury ในตัวเอง ช่วงเบาะคนขี่กับคนซ้อนจะถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจนเป็นเบาะแบบ 2 ตอน ท่านั่งในการขี่จะหลังตรงหน่อย การวางเท้าก็สะดวกด้วยพื้นที่ที่กว้าง สำหรับเบาะคนขี่ใต้เบาะสามารถเก็บของได้หลายอย่างด้วยขนาดกล่องเก็บของใต้เบาะที่ใหญ่ และยังสามารถใส่หมวกกันน็อคเก็บไว้ได้อีกด้วย การออกแบบดีไซน์ได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่อย่าง Peugeot s55 ซึ่งเป็นรถในสมัยปี 1955 จะเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นโดยรุ่น Sport จะมีเลข 55 ติดอยู่ด้านข้างของตัวรถ ในการเปิดตัวครั้งนี้มาด้วยกัน 5 สี แต่ละสีมีชื่อรุ่นแตกต่างกันครับ นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บของด้านหน้าที่แยกซ้ายขวา ด้านซ้ายจะเป็นช่องเติมน้ำมัน ด้านขวาจะเป็นช่องเก็บมือถือและที่ชาร์จแบตมือถือ
รุ่น Sport จะมีสีแดงด้าน และ สีน้ำเงิน
รุ่น HERITAGE จะมีสีเทาด้าน
รุ่น EVASION จะมีสี ขาว-ส้ม,ขาว-น้ำเงิน ทั้งสองสีนี้จะเป็นสีเงา
ฟิลริ่งในการขับขี่
อย่างที่ผมเกริ่นไปตอนแรกรถจะมีความ Luxury อยู่ในตัวทำให้การขับขี่จะแตกต่างจากแบรนด์อื่น ผมคิดว่าเปอโยต์เหมาะแก่การขี่เที่ยวชิวๆ จริงๆ ครับ เพราะเครื่องยนต์เป็น 150.6cc เครื่องยนต์สามารถตอบสนองต่อคันเร่งได้เป็นอย่างดีเลยครับ นอกจากนั้นคันเร่งยังเบามือมาก ย้ำนะครับว่าเบามากจริงๆ ทำให้คนที่ขี่อาจจะลืมตัวได้ การออกตัวเมื่อเปิดคันเร่งแล้วสามารถออกตัวได้ทันทีแทบไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์ แต่ที่ผมไม่คิดว่าจะเจอคือระหว่างทดสอบมีผู้สนใจเข้ามาถามข้อมูล พร้อมชมว่ารถเปอโยต์สวยมากๆ ผมเองก็อดอมยิ้มเล็กๆ ไม่ได้ แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้หน่อย 5555
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ความเร็วสูงสุดที่ผมเคยลองอยู่ที่ 100 +- ซึ่งจะมีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาประกอบด้วย เช่น น้ำหนักของคนขี่ ท่าทางในการขี่ ลมที่เข้ามาปะทะ รวมไปถึงสภาพพื้นถนน ระยะทาง จากการจับเวลาจากความเร็ว 0-80 กิโลเมตรใช้เวลาเพียง 10 วินาที +- ซึ่งในการลองความเร็วผมลองกระแทกคันเร่งในตอนออกตัว น่าแปลกใจมากครับ !!! รอบเครื่องยนต์มาเร็วมาก แต่หลังจาก 80-100 อาจจะขึ้นยากหน่อย เพราะด้วยเรื่องของการดีไซน์ที่ออกแบบมาเหมาะสำหรับขี่ชิวๆ ไม่เหมาะสำหรับการใช้ความเร็วครับ
ระบบกันสะเทือน
หลังจากได้ลองขี่โดยจับความเร็วแล้วคราวนี้ผมลองขี่แบบธรรมดาบ้าง เอ่อ…!! ขี่นิ่มมากครับ ผมลองลงหลุมแล้วโช๊คหน้าถือว่าออกแบบมาได้อย่างดี ส่วนโช๊คหลังเป็นแบบโช๊คเดี่ยวก็สามารถซับแรงกระแทกได้ไม่แพ้กัน ถือว่าเดิมๆ ผ่านครับ สามารถขี่ได้อย่างสบายเลย แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบการขี่ด้วยความเร็วหน่อย อาจจะต้องเปลี่ยนโช๊คหลังให้ตอบสนองได้ดีกว่าเดิมครับ
สรุปโดยรวมรถคันนี้เหมาะสำหรับการขี่แบบทั่วไปไม่เน้นการใช้งานด้วยความเร็วมากนัก ดีไซน์เหมาะกับทุกเพศ ถึงแม้จะไม่ใช้ความเร็วมากแต่ก็ยังสามารถนำไปขี่ท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี คนขี่ก็สบาย คนซ้อนก็สบายด้วยเบาะแยก 2 ตอน เบาะมีความนิ่มนั่งได้สบายแต่ระยะทางไกลๆ ก็อาจจะต้องมีพักกันบ้าง สำหรับการ รีวิว Peugeot Django 150 ในครั้งนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น อาจจะนำไปประกอบการตัดสินใจได้บางส่วน ทั้งนี้แนะนำให้มาทดลองขี่เองที่ ศูนย์บริการ Peugeot AllRide สาขา รามคำแหง146 และแจ้งวัฒนะแถวๆ เส้นเลี่ยงเมืองนนท์ ครับ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม